บริษัท เคเอสเค ประกันภัย (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) (“บริษัทฯ”) ได้จัดทำนโยบายความเป็นส่วนตัวฉบับนี้ เพื่อให้ท่านได้รับทราบถึงแนวทางในการปฏิบัติและการบริหารจัดการข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทฯ ได้เก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 (“พรบ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล”) รวมถึงข้อบังคับที่เกี่ยวข้องกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
1. นิยาม
ข้อมูลส่วนบุคคล หมายถึง ข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลธรรมดาซึ่งทำให้สามารถระบุตัวบุคคลนั้นได้ ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม แต่ไม่รวมถึงข้อมูลของผู้ถึงแก่กรรม
ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว หมายถึงข้อมูลส่วนบุคคลที่เป็นเรื่องส่วนตัวโดยแท้ของบุคคล แต่มีความละเอียดอ่อนและสุ่มเสี่ยงต่อการถูกใช้ในการเลือกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรม จึงจำเป็นต้องดำเนินการด้วยความระมัดระวังเป็นพิเศษ เช่น เชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ ความคิดเห็นทางการเมือง ความเชื่อในลัทธิ ศาสนาหรือปรัชญา ข้อมูลสุขภาพ ความพิการ เป็นต้น
(ทั้งนี้ ในนโยบายฉบับนี้จะรวมเรียกว่า“ข้อมูลส่วนบุคคล”)
2. ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทเก็บรวบรวมและแหล่งที่มาของข้อมูล
บริษัทฯ จะทำการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียงข้อมูลดังต่อไปนี้
2.1 ข้อมูลส่วนตัว ได้แก่ ชื่อ นามสกุล วันเดือนปีที่เกิด สถานภาพ เพศ ที่อยู่ เลขประจําตัวประชาชน เลขหนังสือเดินทาง อาชีพ ตําแหน่ง ประสบการณ์การทํางาน
2.2 ข้อมูลการติดต่อ ได้แก่ อีเมลล์ เบอร์โทรศัพท์ ที่อยู่ ช่องทางติดต่อในโซเชียลมีเดีย เช่น ID Line
2.3 ข้อมูลทางการเงิน ได้แก่ หมายเลขบัญชีธนาคาร ข้อมูลบัตรเครดิต/เดบิต ข้อมูลรายได้ สิทธิประโยชน์ได้รับ ข้อมูลการชำระเงินหรือได้รับชำระเงิน ข้อมูลด้านภาษีอากร ประวัติทางการเงิน
2.4 ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว ได้แก่ เชื้อชาติ ศาสนา ประวัติทุพพลภาพ ประวัติสุขภาพ ประวัติการรักษาพยาบาล ประวัติการบาดเจ็บหรืออุบัติเหตุ ประวัติการใข้สารเสพติด ใบรับรองแพทย์ บันทึกการตรวจทางการแพทย์ บันทึกการรักษา ประวัติการสั่งจ่ายยา รายละเอียดค่าใช้จ่ายทางการแพทย์ คำถามด้านสุขภาพ สำเนารายงานประจำวัน ความเห็นพนักงานสอบสวน ประวัติอาชญากรรม ประวัติการกระทำความผิด ภาพถ่ายหรือวีดิโอคลิปของการบาดเจ็บ/อุบัติเหตุ คำสั่งหรือคำพิพากษาของศาล
2.5 ข้อมูลการทำธุรกรรมประกันภัย ได้แก่ ข้อมูลตามใบคําขอเอาประกันภัย ประวัติการซื้อผลิตภัณฑ์ประกันภัยและ/หรือการให้บริการต่างๆ ประวัติการชดใช้ค่าสินไหมทดแทน ข้อร้องเรียน ข้อมูลแสดงแนวโน้มการซื้อผลิตภัณฑ์หรือบริการ
2.6 ข้อมูลจากการติดต่อหรือเข้าเยี่ยมชมบริษัท ได้แก่ ข้อมูลจากการเข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์ของบริษัทฯ เว็บไซต์อื่นๆ ของบริษัทในเครือ หรือแอปพลิเคชันที่บริษัทฯ เป็นผู้ดำเนินการ รวมถึงข้อมูลการใช้และความเคลื่อนไหวในการเข้าถึงแต่ละส่วนของเว็บไซต์และแอปพลิเคชันของบริษัทฯ ข้อมูลการใช้โซเชียลมีเดีย รูปแบบของบันทึกข้อความของผู้รับบริการ การประเมินความพึงพอใจ การวิจัยและสถิติ การบันทึกเสียงสนทนา การฝากข้อความเสียง (Voice Mail) หรือการบันทึกภาพ (และการบันทึกเสียงเฉพาะกรณี) ผ่านกล้องรักษาความปลอดภัย (CCTV)
2.7 ข้อมูลอื่นๆ ได้แก่ ทะเบียนรถยนต์/จักรยานยนต์ เลขตัวถัง เลขเครื่องยนต์ ข้อมูลการทําวิจัยและการสัมภาษณ์ ทั้งนี้ ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทเก็บรวบรวม บริษัทได้รับข้อมูลดังกล่าวโดยตรงจากท่าน หรือเป็นข้อมุลส่วนบุคคลที่บริษัทได้รับจากการดำเนินงานของบริษัท ฯ จากช่องทางการขายทุกช่องทาง การให้บริการ/การรับบริการต่างๆ ของบริษัท ซึ่งได้แก่
2.7.1 ขั้นตอนการสมัครเอาประกันภัย ขั้นตอนการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทน การใช้บริการหรือทำธุรกรรมอื่นๆ กับบริษัท
2.7.2 จากความสมัครใจของท่านในการทำแบบสอบถาม (survey) การเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ หรือการโต้ตอบทางอีเมล หรือช่องทางการสื่อสารอื่นๆ ระหว่างท่านกับบริษัท
2.7.3 จากการเข้าเยี่ยมชมหรือใช้เว็บไซต์ของบริษัทผ่าน Browser’s Cookies ของท่าน
2.7.4 จากตัวแทน นายหน้าประกันวินาศภัย
2.7.5 สถานพยาบาล อู่หรือศูนย์ในสัญญา บริษัทรับสำรวจภัย และผู้ให้บริการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการใช้บริการผลิตภัณฑ์ประกันวินาศภัยของบริษัท
2.7.6 หน่วยงานภาครัฐ หรือหน่วยงานกำกับดูแลที่ใช้อำนาจตามกฎหมาย เช่น สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ กรมสรรพากร เป็นต้น
2.7.8 บริษัทประกันวินาศภัยอื่น
2.7.9 แหล่งอื่นๆ ที่บริษัทได้รับข้อมูลส่วนบุคคลมาโดยชอบด้วยกฎหมาย การให้ข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลอื่นใด อาทิ ผู้รับประโยชน์ ผู้อยู่ในอุปการะของผู้เอาประกัน พนักงาน ลูกจ้าง เป็นต้น ท่านมีหน้าที่ต้องแจ้งสิทธิตามเอกสารฉบับนี้ต่อบุคคลเหล่านั้น และ/หรือขอรับความยินยอมจากบุคคลเหล่านั้นด้วยตัวท่านเอง ก่อนจะมอบข้อมูลส่วนบุคคลเหล่านั้นแก่บริษัท ทั้งนี้บริษัทขอเรียนให้ท่านทราบว่า หากท่านไม่สามารถให้ข้อมูลส่วนบุคคลตามที่บริษัทได้แจ้งไว้ได้อย่างครบถ้วน ย่อมส่งผลต่อการพิจารณาการทำนิติกรรมระหว่างบริษัทกับท่าน รวมถึงบุคคลที่เกี่ยวข้อง
3. วัตถุประสงค์การเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัท ฯ มีความจำเป็นต้องเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน เพื่อวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้
3.1 เพื่อพิจารณาการรับประกันภัย และพิจารณาค่าสินไหมทดแทน และจ่ายผลประโยชน์ตามสัญญาประกันภั และการให้บริการอื่นๆ ในฐานะผู้รับประกันภัย เพื่อปรับปรุงผลิตภัณฑ์ประกันภัยและบริการของบริษั
3.2 การจัดเก็บเบี้ยประกันภัยและหนี้สินอื่นๆ (ถ้ามี) การตรวจสอบการชำระเบี้ยประกันภัยหรือค่าใช้จ่าย การชำระและตรวจสอบการชำระค่าสินไหมทดแทน
3.3 การปฏิบัติตามสัญญาประกันภัย การประกันภัยร่วม การประกันภัยต่อ และการประกันภัยต่อช่วง
3.4 การสำรวจภัย การประเมินความเสียหาย
3.5 การแจ้งต่ออายุกรมธรรม์ประกันภัย การให้บริการหรือการดูแลลูกค้า การควบคุมคุณภาพของการให้บริการ
3.6 การดำเนินการทางกฎหมาย กรณีต้องรับผิดต่อบุคคลภายนอกหรือรับช่วงสิทธิเรียกร้องกับบุคคลภายนอก
3.7 การจัดทำสถิติ การวิเคราะห์ข้อมูล การพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ การปรับปรุงหรือเปลี่ยนแปลงการบริการ การคำนวณอัตราเบี้ยประกันภัยให้เหมาะสมกับความเสี่ยง การตรวจสอบและป้องกันการทุจริตด้านประกันภัย และ/หรือการกระทำที่ละเมิดหรืออาจละเมิดต่อกฎหมาย
3.8 การปฏิบัติตามกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง หรือปฏิบัติตามคำสั่งของหน่วยงานกำกับดูแล หน่วยงานราชการ หน่วยงานรัฐที่บริษัทมีหน้าที่ต้องปฏิบัติตาม
3.9 การติดต่อสื่อสาร การแจ้ง/รับข้อมูลเกี่ยวกับการให้บริการของบริษัทประกันภัย หรือการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ที่เกิดขึ้น
3.10 การดำเนินการส่งเสริมการขาย การแจ้งสิทธิประโยชน์ และ/หรือการทำการตลาดแบบตรง และ/หรือต่อเนื่อง หรือเพื่อพัฒนาการให้บริการของบริษัท
3.11 การประเมินผลพฤติกรรมการใช้เว็บไซต์ แอปพลิเคชั่น หรือแพลตฟอร์มสื่อสังคมออนไลน์ เพื่อการวิเคราะห์การใช้งานเว็บไซต์ แอปพลิเคชั่น หรือแพลตฟอร์มสื่อสังคมออนไลน์ของท่าน เพื่อจัดทำ ปรับปรุง แก้ไขและพัฒนาเว็บไซต์แอปพลิเคชั่น หรือแพลตฟอร์มสื่อสังคมออนไลน์ดังกล่าวให้เหมาะสม
3.12 ประมวลผลเพื่อวัตถุประสงค์อื่นๆ ภายในขอบเขตที่กฎหมายกำหนด
อนึ่ง ในการได้ข้อมูลของท่านมานั้น บริษัทจะเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านภายใต้วัตถุประสงค์ตามที่ระบุข้างต้น ภายใต้เงื่อนไขดังต่อไปนี้
ก.) ท่านได้ให้ความยินยอมไว้กับบริษัทฯ เป็นการชัดแจ้ง
ข.) เป็นการจำเป็นเพื่อการปฏิบัติตามสัญญาซึ่งท่านเป็นคู่สัญญา หรือเพื่อใช้ในการดำเนินการตามคำขอของท่านก่อนเข้าทำสัญญานั้น เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ตามสัญญา (Contractual Basis)
ค.) เป็นการป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของบุคคล
ง.) เป็นการจำเป็นเพื่อการปฏิบัติหน้าที่ในการดำเนินภารกิจเพื่อประโยชน์สาธารณะของบริษัทฯ หรือปฏิบัติหน้าที่ในการใช้อำนาจที่รัฐได้มอบหมายให้แก่บริษัทฯ
จ.) เป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัทฯ หรือของบุคคลหรือนิติบุคคลอื่น โดยไม่เกินขอบเขตที่ท่านสามารถคาดหมายได้อย่างสมเหตุสมผล (Legitimate Interest)
ฉ.) เป็นการจำเป็นพื่อการปฏิบัติตามกฎหมาย ที่บริษัทมีหน้าที่ปฏิบัติตาม (Legal Obligation)
ช.) เพื่อการใดๆ ตามที่กฎหมายให้อำนาจโดยชอบ
4. การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล
เพื่อการปฏิบัติตามสัญญาประกันภัยและการให้บริการด้านประกันภัย บริษัท ฯ มีความจำเป็นต้องเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้แก่บุคคลภายนอก ดังต่อไปนี้
4.1 สํานักงานคณะกรรมการกํากับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย เพื่อประโยชน์ในการกํากับดูแล ธุรกิจประกันภัย
4.2 หน่วยงานกํากับดูแลอื่นๆ ตามกฎหมาย เช่น สํานักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน กรมสรรพากร เป็นต้น
4.3 สมาคมประกันวินาศภัยไทย และ/หรือหน่วยงานที่ได้รับมอบหมาย เพื่อประโยชน์ในการจัดทําสถิติ และคํานวณอัตราเบี้ยประกันภัย
4.4 บริษัทประกันภัยต่อ และ/หรือ บริษัทประกันภัยร่วม
4.5 สถาบันการเงิน หรือผู้ให้บริการทางการเงินที่เกี่ยวข้องกับการรับชําระเงินและการจ่ายเงิน
4.6 ผู้ให้บริการภายนอก ซึ่งบริษัทได้มอบหมายให้ดําเนินการแทนบริษัท ในเรื่องการรับประกันภัย การสํารวจภัย การชดใช้ค่าสินไหมทดแทน การดําเนินการทางกฎหมาย การตรวจสอบบัญชี การให้บริการ และการดําเนินการอื่น ที่เกี่ยวข้องกับสัญญาประกันภัย
4.7 ผู้ที่ได้รับอนุญาตให้เป็นคนกลางประกันภัยของบริษัท ตัวแทน นายหน้า เพื่อประโยชน์ในการให้บริการแก่ผู้เอาประกันภัย หรือผู้รับประโยชน์
4.8 บุคคลภายนอกตามที่บริษัทฯ ได้รับความยินยอมจากท่าน หรือบุคคลที่ท่านอาจคาดหมายได้อย่างสมเหตุสมผลเกี่ยวกับการทำสัญญาประกันภัยของท่าน หรือเปิดเผยเพื่อการทำธุรกรรม และ/หรือ การใช้บริการตามความประสงค์ของท่านนอกเหนือจากวัตถุประสงค์ที่แจ้งข้างต้น
บริษัทฯ จะโอนถ่าย และ/หรือ ส่งข้อมูลไปยังต่างประเทศต่อเมื่อปรากฏว่าประเทศผู้รับข้อมูลส่วนบุคคล
มีมาตรฐานการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่เพียงพอ ตามที่กฎหมายกำหนด และต้องเป็นไปตามวัตถุประสงค์การเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล ตามที่ระบุข้างต้น
5. การคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทจะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไว้เป็นอย่างดีตามมาตรการเชิงเทคนิค (Technical Measure) และมาตรการเชิงบริหารจัดการ (Organizational Measure) เพื่อรักษาความมั่นคงปลอดภัยในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่เหมาะสม และเพื่อป้องกันการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล มิให้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านถูกเข้าถึงโดยมิชอบ รั่วไหล ถูกเปลี่ยนแปลงแก้ไข สูญหาย บริษัทจึงได้สร้างความตระหนักด้านความมั่นคงปลอดภัยสารสนเทศ รวมทั้งปฏิบัติตามมาตรฐานสากลด้านการรักษาความปลอดภัยสารสนเทศให้เป็นไปตามที่กฎหมาย ฎเกณฑ์ของหน่วยงานภาครัฐที่กำกับดูแลธุรกิจกำหนด
นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้มีมาตรการปกป้องความเป็นส่วนตัวของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลโดยการจำกัดสิทธิ์การเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลให้กับเฉพาะบุคคลที่จำเป็นต้องใช้ข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าว โดยบุคคลดังกล่าวต้องปฏิบัติตามมาตรการปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัท ฯ อย่างเคร่งครัด ตลอดจนการรักษาความลับของข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าว
6. ระยะเวลาในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทฯ อาจเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไว้ นานเท่าที่จำเป็นต้องเก็บเพื่อการดำเนินการให้บรรลุตามวัตถุประสงค์ในการ ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามที่ระบุข้างต้น โดยบริษัทฯ จะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไม่เกิน 10 ปี นับแต่วันที่ท่านสิ้นสุดความสัมพันธ์ หรือ การติดต่อครั้งสุดท้ายกับบริษัทฯ โดยบริษัทฯ อาจเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านนานกว่าที่กำหนดหากกฎหมายอนุญาต
ทั้งนี้ บริษัทฯ จะทำการจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไว้ในรูปแบบที่เหมาะสมตามประเภทของข้อมูลส่วนบุคคล
อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ อาจมีความจำเป็นต้องเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของท่านต่อไปแม้จะพ้นกำหนดอายุความตามกฎหมายแล้ว เช่น กรณีอยู่ระหว่างการดำเนินคดีตามกฎหมาย เป็นต้น
บริษัทฯจะมีการดำเนินการในขั้นตอนอันเหมาะสม เพื่อทำการลบหรือทำลาย หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวท่าน เมื่อพ้นระยะเวลาเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลข้างต้น
7. สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล
ท่านมีสิทธิตามที่กําหนดไว้ในพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 ดังนี้
7.1 สิทธิในการขอเข้าถึงหรือขอรับสําเนาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านหรือขอให้เปิดเผยถึงการได้มาซึ่งข้อมูลส่วนบุคคล
7.2 สิทธิในการขอให้บริษัท ฯ ดําเนินการเพื่อให้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านถูกต้อง สมบูรณ์ และเป็นปัจจุบัน
7.3 สิทธิในการขอรับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจากบริษัท รวมทั้งสิทธิในการขอให้บริษัทส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอื่นหรือขอรับข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทส่งหรือโอนไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอื่นโดยตรง เว้นแต่โดยสภาพทางเทคนิคไม่สามารถ ทําได้
7.4 สิทธิในการคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน และ/หรือถอนความยินยอมที่ให้ไว้เพื่อการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านแก่บริษัท
7.5 สิทธิในการขอให้บริษัทดําเนินการลบหรือทําลายหรือทําให้ข้อมูลเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวบุคคลของท่านได้
7.6 สิทธิในการขอให้บริษัทระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
7.7 สิทธิในการร้องเรียน ในกรณีที่บริษัทฯ รวมทั้งลูกจ้างหรือผู้รับจ้างของบริษัทฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 หรือประกาศที่ออกตามพระราชบัญญัตินี้
ท่านสามารถติดต่อมายังเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัทได้ เพื่อดำเนินการยื่นคำร้องขอดำเนินการตามสิทธิข้างต้นได้ (รายละเอียดการติดต่อปรากฎตามด้านล่าง) โดยบริษัทจะพิจารณาและแจ้งผลการพิจารณาตามคำร้องของท่านภายใน 30 วันนับแต่วันที่ได้รับคำร้องขอดังกล่าวจากท่าน
อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ สามารถปฏิเสธสิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้ตามที่กฎหมายกำหนด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สิทธิขอลบหรือทำลาย หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านอยู่ในรูปแบบที่ไม่สามารถระบุตัวบุคคลที่เป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้ หากบริษัทฯ มีความจำเป็นต้องใช้ข้อมูลส่วนบุคคลในการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การปฏิบัติตามหรือการใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือการยกขึ้นต่อสู้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือเพื่อการปฏิบัติตามกฎหมาย หรือการอื่นใดตามที่กฎหมายกำหนด
อนึ่ง การลบหรือทำลาย หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านอยู่ในรูปแบบที่ไม่สามารถระบุตัวบุคคลที่เป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้ หรือการถอนความยินยอมของท่านสามารถทำได้ภายใต้ข้อกำหนดของกฎหมายเท่านั้น ทั้งนี้การใช้สิทธิดังกล่าวอาจจะส่งผลต่อกรณีการปฏิบัติตามสัญญา หรือการให้บริการตามสัญญาประกันภัยแก่ท่านได้
ทั้งนี้ การเพิกถอนความยินยอมของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล จะไม่ส่งผลกระทบต่อการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้ให้ความยินยอมไปแล้วก่อนหน้านั้น
8. ช่องทางติดต่อ
หากท่านมีข้อสงสัยเกี่ยวกับนโยบายความเป็นส่วนตัวของบริษัทฯ ข้อมูลที่เก็บรวบรวม หรือต้องการใช้สิทธิตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ท่านสามารถติดต่อมาได้ที่
บริษัท เคเอสเคประกันภัย (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)
ที่อยู่ 100/24 อาคารสาธรนครทาวเวอร์ ชั้น 16 เอ,
ถนนสาทรเหนือ, แขวงสีลม, เขตบางรัก,กรุงเทพมหานคร, 10500, ประเทศไทย
เบอร์โทรศัพท์: 02-022-1111
อีเมล : DPO.th@kskgroup.com
9. การทบทวนและเปลี่ยนแปลงนโยบายความเป็นส่วนตัว
บริษัทจะทำการพิจารณาทบทวนนโยบายความเป็นส่วนตัวเป็นประจำเพื่อให้สอดคล้องกับแนวปฏิบัติและกฎหมาย ข้อบังคับที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ บริษัทสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลง แก้ไขนโยบายความเป็นส่วนตัวฉบับนี้โดยไม่แจ้งให้ทราบล่วงหน้า โดยบริษัทจะแจ้งให้ท่านทราบด้วยการปรับปรุงข้อมูลลงในเว็บไซต์ของเราโดยเร็วที่สุด ท่านสามารถดูรายละเอียดการแก้ไขดังกล่าวได้ที่ https://www.kskinsurance.co.th/th/personal_data_notice
ปัจจุบันนโยบายความเป็นส่วนตัวถูกทบทวนครั้งล่าสุดเมื่อ กรกฎาคม 2564
100/24 อาคารสาธรนครทาวเวอร์ ชั้น 16 เอ, ถนนสาทรเหนือ, แขวงสีลม, เขตบางรัก, กรุงเทพมหานคร, 10500, ประเทศไทย T. 0 2022 1111 F. 0 2022 1122-3 info.thailand@kskgroup.com
ศูนย์รับแจ้งอุบัติเหตุ 24 ชั่วโมง
T. 0 2022 1100 (24 ชั่วโมง)
Loading